เมื่อนักแสดงชายผู้เรียกเรตติ้ง ได้เริ่มการแสดง คำชมเชยที่ดีที่สุดของทั้งหมดทั้งมวลของการมีมาตรฐานที่สูงที่สุดคือ "เขาช่างใส่เสื้่อผ้าที่พอดีกับตัวเขา ได้อย่างสมบูรณ์แบบ" ละครเรื่อง Gu Family Book ออกอากาศทางช่อง MBC ทุกวันจันทร์-อังคาร (เขียนบทโดยคังอึนคยูง กำกับโดยชินวูชุล) ร่วมด้วยอีซึงกิ ตามที่คาดไว้ เขาแสดงให้ผู้ชมได้เห็นว่า เขาสวมบทของชอยคังชิได้ประหนึ่งเป็นเงาของคังชิเลยทีเดียว และนั่นก็ทำให้ได้รับคำชมเชยอย่างมากมาย
สำหรับอีซึงกิในละครเรื่องนี้แล้ว วลีที่ว่า " การแสดงของเขาถีบตัวสูงขี้น" ดูจะเหมาะสมกว่าแค่จะกล่าวว่า "เขาแสดงได้ดี" จากบทครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ ที่ไม่เคยทำมีปรากฎมาก่อนในละครเกาหลีที่ผ่านๆมา เขาก็สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม, ทำไมอีซึงกิ ถึงได้ตกลงยอมเล่น (รับบท) เป็นคังชิ ครึ่งคนครึ่งปีศาจทันที โดยไม่มีความกลัวเลยซักนิด? รวมทั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่นะหลังจากที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวไปสู่สายตาผู้ชมได้โดยที่ไม่เกิดผลลัพธ์ในทางเสียหายเลยซักนิด
>>> เรื่องราวภายใน Gu Family Book ที่ผู้ชมไม่รู้...แต่อีซึงกิรู้
อีซึงกิ กับความท้ายทายครั้งแรกของเขากับการเล่นละครย้อนยุค ผ่านละครเรื่อง "Gu Family Book" ไม่ใช่แค่เพียงการเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ อย่างชอยคังชิเท่านั้น แต่รวมไปถึงการที่ไม่เคยมีการสร้างละครแบบนี้มาก่อน ที่พอจะสามารถใช้เป็นที่ปรึกษาหรือเป็นแหล่งที่พอจะอ้างอิงเพื่อหาข้อมูลได้เลย เขาสามารถแสดงมันออกมมาได้อย่างสมบทบาท
"ย้อนกลับไปตอนนั้น, เป็นเพราะผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ พูดได้เลยว่าผมได้ทำในสิ่งที่จะช่วยให้ผมทำมันได้จริงๆ ถ้าผมต้องแสดงละครย้อนยุคอีกในครั้งต่อไป ผมคิดว่าผมจะรับบทที่ตัวละครอยู่ในสังคมระดับสูง เพราะถ้าสถานะทางสังคมต่ำ มันจะมีหลายฉากมากๆ ที่ผมจำเป็นต้องคุกเข่า เพราะผมต้องคุกเข่าถึง 8 ชั่วโมงในตอนนั้น ในความรู้สึกผมมันไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่"
ความเป็นเอกลักษณ์ของการสร้างครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจออกมาให้ได้ด้วยตัวมันเอง เป็นสิ่งที่ยากสำหรับอีซึงกิ นั่นเป็นเพราะจุดสำคัญคือ เขาต้องแสดงให้เข้าถึงแก่นแท้ของการที่ยอมทิ้งความเป็นหนุ่มตลอดการ ทั้งความเป็นอมตะ และต้องการที่จะกลายมาเป็นมนุษย์เพราะความรัก
"การสร้างครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ บางครั้งเราจะเห็นมีปรากฏในหนังสือการ์ตูน แม้ว่ามันจะยาก ณ ตอนแรก แต่ด้วยการเขียนที่มีประสิทธิภาพของผู้เขียนสคริปของบท อีกทั้งยังมีที่สามารถยืดหยุ่นได้รวมอยู่ด้วย ผมเลยคิดว่า ผมสามารถที่จะแสดงบทบาทออกมาได้ด้วยตัวของผมเอง โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไปมากนัก"
หลังจากนั้น, อีซึงกิ ซึ่งรับบทเป็น ชอยคังชิ ได้เผยถึงบทที่ทำให้เขาถึงกับยิ้มไม่ออก...เมื่อเราถามคำถามนี้กับเขา "อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุด?" เขาตำหนิเรื่องราวของชอยคังชิเหมือนกับที่เขาตำหนิตัวเขาเองออกมาเลย
"อย่างแรกเลย, มันร้อนจริงๆครับ แล้วเสื้อผ้าที่คังชิใส่ ก็มีแค่ชุดเดียว ผมไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย มันมีกลิ่นแล้วก็ไม่สะอาดเลยจริงๆ ในตอนเช้าและก็ตอนบ่าย ผมได้เปลี่ยนชุด แต่ผมก็ได้ประสบกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก
แล้วก็มีช่วงเวลาที่ผมต้องเป็นลม เพราะคังชิต้องหายใจแรงๆ ตอนที่เขาต้องเปลี่ยนร่างไปเป็นปีศาจด้วย ความจริงคือ ลมหายใจของเขาดูเหมือนจะเป็น sound effect (การใช้เอ็ฟเฟ็คเสียงช่วย) แต่จริงๆแล้วมันเป็นอะไรที่ผมต้องทำมันขึ้นมาเอง ทีมงานบอกผมว่า "เธอเป็นลม" แล้วก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้นเพราะผมเป็นลมผิดจุด"
>>> บทสรุปของความสำเร็จ? อีซึงกิพูดเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด
อีซึงกิได้ยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับนักแสดงร่วม รวมไปถึงทีมงานทุกคน ที่ทำให้ Gu Family Book และเขา สามารถรักษาเรตติ้งอันดับ1 จากผู้ชมไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนจบ...บทได้เปลี่ยนเข้ามาสู่ยุคสมัยใหม่ และในตอนท้ายพวกเขากลับมาเกิดใหม่ และได้รับความคิดเห็นอย่างหลายหลายจากประชาชน มากพอๆจากสื่อมวลชนเลยทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในการสัมภาษณ์อีซึงกิ ก่อนที่จะมีการออกอากาศตอนสุดท้าย "โดยส่วนตัวแล้ว ในที่ออกอากาศไปแล้วทั้งหมดจนกระทั่งตอนนี้ ผมชอบตอนนี้ที่สุด มันเป็นการจบที่มีทั้งความสุขและเศร้า ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็ชอบด้วยเช่นกัน" เขากล่าวด้วยความมั่นใจ
หลังจากที่เขาได้ถูกถามว่า "คุณไม่คิดหรือว่า แค่ 24 ตอนอาจจะไม่พอ?" เขากล่าวว่า " มันจะต้องมีจุดบกพร่องแน่นอน ถ้าหากว่าเรื่องราวของตัวละครทุกๆตัวถูกดึงแยกออกไป แค่ 20 ตอนทำให้ขาดอะไรบางอย่าง และถ้าเพิ่มไปถึง 30 ตอนมันจะเริ่มน่าเบื่อ" เขากล่าวต่อว่า "ผมคิดว่า มันเป็นการสรุปจบได้เหมาะสมแล้ว"
>>> อีซึงกิ ผู้ซึ่งได้รับความยืดหยุ่นผ่าน Gu Family Book, ละครเรื่องต่อไปของเขาคือ?
จากที่เคยกล่าวไว้แล้ว เกี่ยวกับโปรเจคของอีซึงกิ เขาจะทำทุกๆอย่างที่เขาสามารถทำได้ ดูเหมือนเขาได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้ว ว่าเขาสามารถที่จะจัดการได้ทุกอย่าง รวมถึงการเล่นตลกและการเล่นบทแอ๊คชั่น
ความสำเร็จในครั้งนี้ของอีซึงกิ เป็นผลจากการที่เขาได้รับบทแสดงนำ และเมื่อเทียบกับความสำเร็จอื่นๆของเขา มันเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง ในฐานะนักร้องเขารั้งอันดับหนึ่งได้อย่างมั่นใจ ในฐานะนักแสดง เขาเป็นผู้นำในการเรียกเรตติ้งจากผู้ชม แม้แต่ในวาไรตี้โชว์เขาก็ยังโดดเด่น ทั้งหมดนี้คือที่เขาได้แสดงทักษะของเขาออกมาแล้ว นั่นทำให้ประชาชนเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่า เขาจะอะไรในลำดับต่อไป
"มีหลายๆอย่าง ที่ผมไม่สามารถทำให้แฟนๆผมได้ ระหว่างที่ถ่ายทำละครย้อนยุค ผมอยู่ในระหว่างการจบตารางงานอันเดิมของผม และเริ่มวางแผนสำหรับเอเชียทัวร์ ในช่วงครึ่งปีหลัง ผมอยากจะพบกับแฟนๆผ่านทางการแสดงในญี่ปุ่ม แล้วก็เกาหลี
"แม้ว่าเราจะทำส่วนหนึ่ง ในอุตสหกรรมความบันเทิง มีหลายๆคนที่รักษาความซื่อสัย์ของการมีจิตวิญญาณของความเป็นมืออาชีพ นักร้องอย่างรุ่นพี่อีซุนฮี และ โจยงพิล ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน นักแสดงอย่างอีซูนแจ, ชินกู และครูปาร์คกึนฮยอง ก็มีคุณภาพแบบนี้อยู่ แต่ทุกวันนี้ผมเชื่อว่านี่เป็นยุคที่จะแสดงออกมาให้ดี และทำเพลงที่ลึกซึ้งออกมาด้วยเช่นเดียวกัน ในอนาคตผมอยากทำงานให้หนักขึ้นกับเพลงของผม ซึ่งผลผลิตอันนี้จะต้องไม่ใช่อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องอับอายอย่างแน่นอน"
source: tvdaily via nate
Many thanks to jerseygirl0420 for tirelessly translating the interview articles!
English translation by jerseygirl0420, special contributor to Everything Lee Seung Gi
TH-Trans : Airen'e
BLOG : LeeSeungGiAirenThailand.blogspot.com
FB : FACEBOOK.COM/PAGES/LEE-SEUNG-GIS-AIREN-THAILAND
เป็นนักแสดงที่อายุน้อยและมากความสามารถจริงๆ ซึงกิทำได้ดีทุกอย่าง น่ารักมากๆ ปล รักซึงกิ
ตอบลบ