[Eng] Lee Seung Gi “Filming GFB until unconscious… I have the strongest attachment to it”
"ในบรรดาละครที่ผมแสดงมาทั้งหมด เรื่องนี้มีตอนจบที่แรงที่สุด"
ละครเรื่อง Gu Family Book ที่เพิ่งจะอวสานไปนั้น ได้ครองตำแหน่งผู้นำ ของละครที่ออกอากาศในวันจันทร์-อังคาร ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จบลงแบบหวานปนขม คือมีทั้งเศร้า และสุขปนกัน และมาจบลงที่นักแสดงนำฝ่ายชาย ซึ่งถือได้ว่าร้อนแรงและแสดงออกอารมณ์เยอะ ที่สุดแล้ว
ในระหว่างการสัมภาษณ์ อีซึงกิเล่าว่า "ละครเรื่อง Gu Family Book ทำให้เขายุ่งมากๆทุกวัน จนกระทั่งเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะรู้สึกว่าเรื่องนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนดู"
"อย่างแรกเลย การแต่งหน้าต้องใช้เวลานานมาก และสถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ในแถบชนบท นี่เองที่ทำให้ผมไม่สามารถแม้แต่จะกลับบ้าน และนอนให้ดี นั่นทำให้ผมเครียดมาก, ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากตอนที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของละครย้อนยุค ( sageuk = ละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์) โดยเฉพาะการแสดงออกด้านอารมณ์ ในละครย้อนยุคจะต้องแสดงอารมณ์ออกมาให้เข้มแข็ง กว่าละครในยุคปัจจุบัน และมีฉากที่ต้องต่อสู้และฆ่ากันด้วยดาบหลายฉากมากๆจริงๆ"
ในละคร, อีซึงกิ รับบทเป็นลูกชายของวูยรอง ซึ่งเป็นปีศาจ และ ซอฮวา ซึงเป็นมนุษย์ ซึงกิได้ทำงานหนักมากจริงๆเพื่อที่จะสวมบทบาทของครึ่งคน-ครึ่งมนุษย์ ให้เหมือนมากที่สุด
เพื่อที่จะทำให้คังชิ ดูกระตือรือร้นและคล่องแคล่วมากขึ้น เขาได้งดอาหารเพื่อที่จะลดน้ำหนัก และมุ่งมั่นกับการแสดงอารมณ์และความรู้สึกของคังชิ เขาได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการแสดงเพื่อจะคลายข้อกังขาของผู้ชมที่ว่า ทำไมคังชิถึงอยากเป็นมนุษย์ และในฉากที่เขาร้องไห้ และได้บอกกับแม่ทัพอีซุนชินว่า เขาต้องการเป็นมนุษย์ ได้กลายเป็นฉากที่ดีที่สุดอีกหนึ่งฉากในละครเรื่องนี้
อีซึงกิ เชื่อว่า เสน่ห์ของคังชิ อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบของเขา คังชิดูมีเสน่ห์ตอนที่เขาทำตัวไร้สาระ และไม่เครียด เพราะความไม่สมบูรณ์แบบของคังชินั่นเอง ถึงทำให้เขาดูน่าสนใจ
เพื่อให้สวมบทบาทได้อย่างแนบเนียน ซึ่งกิเริ่มจากความสมจริง เมื่อเขาต้องกลายร่าง ระหว่างมนุษย์ กับ ปีศาจ เขาได้ใช้พลังงานทั้งหมดของเขาออกมา จนทำให้เขาถึงกับหมดสติ
"ผมเอาเรื่องในตำนาน ที่อยู่ในบทละคร มาเป็นเรื่องจริง ตอนที่ผมกลายร่างจากมนุษย์เป็นปีศาจ เส้นเลือดในร่างกายผมเหมือนจะขยายขึ้น และผมเหนื่อยจนจะตายอยู่แล้ว ในฉากที่ผมได้พบกับท่านแม่ ผมก็ถูกล่ามโซ่ เพื่อให้ออกมาเหมือนจริงมากที่สุด ผมแสดงจนผมสบลเหมือดไปเลย"
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถาม "ยากไหมกว่าจะถอนตัวออกมาจากคังชิได้?" ซึงกิได้ยกเอาคำพูดของรุ่นพี่ ฮันซุกคยู (Han Suk Kyu) และรุ่นพี่ยูดองกัน (Yoo Dong Geun) ขึ้นมา
"มีครั้งนึง ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ รุ่นพี่ ฮันซุกคยู (Han Suk Kyu) เขาบอกว่า เขาไม่เคยถึงเข้าถึงตัวละครได้ถึง 100% เลยซักครั้ง ผมก็รู้สึกเหมือนกันนะ นักแสดงบางคนบอกว่า ตัวละครที่เขารับบทบาทอยู่นั้น ได้เข้ามามีผลต่อพวกเขา พวกเขาออกจากบทบาทของตัวละครตัวนั้นไม่ได้...ผมเองไม่ค่อยแน่ใจกับเรื่องนี้มากนัก...บางทีผมคิดว่า อาจเป็นเพราะการแสดงของผมยังไม่ดีพอ
แต่ว่าของนักแสดงอีกท่านนึงต่างออกไป
รุ่นพี่ยูดองกัน (Yoo Dong Geun) ได้เตือนผมว่า อย่าปล่อยให้บทของนักแสดง ไปปรากฎอยู่ในชีวิตประจำวันของผม เหมือนกันกับรุ่นพี่ อีซุนแจ (Lee Soon Jae) เขาสามารถเล่นได้หลายบทบาทในเวลาเดียวกัน และยังคงสามารถปรับตัวได้ ในความเป็นจริงคือ ในช่วงเวลาที่เราต้องไปยืนอยู่หน้ากล้อง เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด"
ถึงแม้ว่า Gu Family Book จะครองอันดับหนึ่งในช่วงตารางเวลาที่ออกอากาศ แต่เรตติ้งก็ขึ้นไปไม่ถึง 20% อีซึงกิรู้สีกเสียใจนิดหน่อย แต่เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร
"เรตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมคิดว่าเรตติ้งของใจสำคัญกว่านะ คำชมที่ออกมาจากปากสำคัญกว่า, กำไลข้อมือ(ของคังชิ) มีขายในตู้ขายสินค้าอัตโนมัติของโรงเรียนประถม ละครได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของผู้คน จากเรื่อง Gu Family Book ผมมีแฟนคลับที่เป็นเด็กๆ เยอะมาก เด็กหลายคนมาที่สถานที่ถ่ายทำเพื่อดูพวกเรา และมาขอให้ผมแปลงร่างให้ดู"
ในปี 2004 ซึงกิ เดบิ้วต์ ด้วยเพลง " Because You're my woman" และได้ครองหัวใจของนูน่าทั้งหมดในเวลานั้น เขาถูกเรียกว่า "น้องชายของประเทศ"
ซึงกิเริ่มงานแสดงจาก “Famous Princess” ทางช่อง KBS ต่อด้วย ‘Brilliant Legacy” ทางช่อง SBS ในปี 2009 “My Girlfriend is a Gumiho” ในปี 2010 และ ‘The King 2 Hearts” ในปี 2012
เขายังคงก้าวต่อไป และกลายมาเป็นนักแสดงอย่างสมบูรณ์
"5 ปี หลังจากผมเดบิ้วต์ ทุกอย่างราบรื่น ทั้งละคร ทั้งวาไรตี้ ทุกๆคนต่างบอกว่า มันคือยุคของผม แต่มันน่ากลัวถ้าจะมองย้อนกลับไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ไม่ว่าจะเป็นรายการวาไรตี้ หรือละคร การทำเรตติ้งให้ถึง 40% ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมาก ผมไม่ได้อวดดี หรือจองหอง นะครับ แต่ผมคิดว่า "นั่นเป็นผลที่ผมคาดหวัง ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม" แต่หลังจากเรื่อง The King 2 Hearts ไม่ได้ตามคาด ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับความคิดใหม่ แม้ว่ามันจะน่าผิดหวัง แต่มันก็เป็นบททดสอบเรื่องความแข็งแกร่งด้านอารมณ์ของผมนะ"
จากที่ได้อธิบายมา อีซึงกิได้แสดงให้เห็นสิ่งที่กังวล เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการที่ทุกอย่างหมุนรอบตัวเขา และเขายังต้องทำให้คนอื่นส่องแสงอีกด้วย
"ก่อนเรื่อง Gu Family Book, ผมไม่เคยรู้สึกว่า ผมต้องดันตัวเองให้สุดและต้องแบกความรับผิดชอบในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องราวใน Gu Family Book จะมีชอยคังชิเป็นศูนย์กลาง ผมเข้าใจว่าผมสามารถทำให้คนอื่นๆ โดดเด่นออกมาได้ด้วยการแสดงร่วมกันกับพวกเขา
จากเรื่อง Gu Family Book ทำให้ผมเข้าใจว่า มีอีกหลายอย่างที่นักแสดงนำต้องแบกรับ รวมทั้งความอดทน การยอมรับต่อผู้อื่น และการพยายามทำให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่ถ่ายทำ"
Please Take Out with Full Credit, Thank You!
Many thanks to AY for helping with translations amidst her busy schedule as well!
source: hankooki via nate
source: hankooki via nate
EN-Trans: AY, special contributor to Everything Lee Seung Gi
Based on Chinese translation by 甜甜 @ baidu tieba
TH-Trans : Airen'e @Lee Seung Gi's Airen (Thailand)
Based on Chinese translation by 甜甜 @ baidu tieba
TH-Trans : Airen'e @Lee Seung Gi's Airen (Thailand)
BLOG : LeeSeungGiAirenThailand.blogspot.com
FB : FACEBOOK.COM/PAGES/LEE-SEUNG-GIS-AIREN-THAILAND
ลีซึงกิ น่ารักจริงๆ เราขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ตอบลบน่ารักมากๆค่า I♥Lee Seung Gi
ตอบลบ